วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

รู้สึก จึงเขียน 'มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา'

ก้าวแรกนั้นที่รู้ว่าตนเองแอดมิชชั่นติดราชภัฏสวนสุนันทา ผมได้บอกได้ตามตรงเลยว่า รู้สึกเฉยชากับการที่ได้เข้ามาเรียนที่นี่ พร้อมที่บ้านแนะนำให้ไปศึกษาต่อที่อื่นดีกว่าหรือเปล่า ซึ่งผมได้แสดงจุดยืนของผมไปว่า "มหาลัยไหนมันก็เหมือนกันแหละหน่ะ ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวเรา" ซึ่งหลังจากมอบตัวเข้ามาเป็นนักศึกษาอย่างเต็มตัวแล้ว ผมได้เห็นอะไรมากมายในสวนสุนันทา กว่า 3 ปีที่ได้เรียนอยู่ที่นี้

อย่างที่ทุกคนรู้กัน ทุกๆอย่างที่เป็นธรรมชาติย่อมไม่มีดีเสมอไป 'สวนสุนันทา' เองก็เช่นกัน ผมเห็นข้อดีเยอะ และผมก็เห็นข้อเสียเยอะ

แต่ผมขอพูดถึงในข้อเสียก่อนล่ะกัน  เผื่อผู้บริหารและอาจารย์เข้ามาอ่านจะได้นำไปปรับปรุง

สวนสุนันทานั้นหากมองจากภายนอก เป็นมหาวิทยาลัยที่สวยงามร่มรื่น แต่หากคุณเข้ามาเหยียบอย่างเต็มตัวแล้ว จะตอบได้เลยว่า "สวยแต่รูป จูบไม่หอม" เพียงแค่ผมเห็นอาคารเรียนของผมที่ต้องเรียนด้วยกันมาตลอด 3 ปีนี้ ผมถึงกับเข่าทรุดไปตามอาคาร  เพราะอาคารของผมนั้นทรุดโทรมจนเกินคำบรรยาย อีกทั้งพอมารู้ว่า พรึ่งปรับปรุงมาได้ไม่นาน ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่า มหาวิทยาลัยนั้นเมินเฉยต่อสิ่งที่ควรทำหรือเปล่า

และด้วยเลือดของนักวารสาร ต้องรู้จักมองหลายด้าน หลังจากการได้เรียนรู้ ศึกษา และทำข่าวภายในมหาวิทยาลัย ยิ่งทำให้ผมมีความรู้สึกต่อทีมผู้บริหาร และ คณาจารย์บางท่านเป็นอย่างมาก ในเรื่องของกระบวนการความคิด ว่า "เงินคือพระเจ้า" สมัยนี้ "การเรียนคือการลงทุน" การลงทุนจำเป็นหรือที่ต้องใช้เงิน การลงทุนอาจจะเป็นการลงแรง หรือ ลงความสามารถลงไปก็ได้มิใช่หรือ ผมไม่ขอพาดพิงถึงอาจารย์คนไหน แต่ถ้า เพื่อนๆเข้ามาอ่าน เพื่อนๆที่เป็นเลือดสุนันทา จะตอบโจทย์นี้ได้อย่างชัดเจน

ในด้านทีมผู้บริหาร ซึ่งในขณะนี้ถือว่าเป็นข้อกังขามาก กับการบริหารงาน ผมได้สัมภาษณ์ ท่านรองฯ ฝ่ายต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัย บุคลากรทั้งหลายเหล่านี้ เค้ามีหน้าที่อะไร? ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมสงสัยมาตลอด หลังจากได้ทำข่าว ผมจึงทราบเลยว่า มีหน้าที่ตอบปัดคำถามของนักศึกษา ไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ เพียงแต่พูดว่าพวกเรายังเด็ก ยังไม่เข้าใจที่ผู้ใหญ่เค้าทำกันหรอก แล้วถ้าผู้ใหญ่ไม่พูดให้เด็กฟัง เมื่อไหร่เด็กมันจะเข้าใจหล่ะครับ และผมก็สงสัยอีกว่า ผู้บริหารมีหน้าที่ชี้แจงให้ประชาคมรับทราบถึงสิ่งที่ทำอยู่มิใช่หรือ ไม่ใช่ว่ามหาวิทยาลัยจ้างมาให้ ปิดบังความลับ จริงหรือไม่

ทั้งนี้แล้วผมไม่ได้ที่จะจ้องทำลายมหาวิทยาลัยน่ะครับ แต่ผมอยากให้ผู้บริหาร หรืออาจารย์มุ่งไปที่การพัฒนา และพร้อมที่จะปั้นนักศึกษาให้มีคุณภาพ มากกว่า การที่จะมุ่งหาผลประโยชน์เข้าตัว

เพื่อมหาวิทยาลัยของเรา อาจารย์มีคุณภาพ นักศึกษามีคุณภาพ สุดท้าย ใครๆก็อยากมาเรียน ชิมิชิมิ

มาถึงด้านดี นี่ไม่ใช่การตบหัวแล้วลูบหลังน่ะครับ ข้อดีของม.เรานั้นเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านสิ่งแวดล้อม มีธรรมชาติร่มรื่น มีกลิ่นอายวัฒนธรรม มีความเป็นชาววัง

ถ้าหากผมพูดอะไรผิดก็ขอโทษด้วยน่ะครับ นี่เป็นแค่การแสดงความคิดเห็นในมุมมองส่วนตัว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น