วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ชีวิตสองด้าน ‘นักศึกษาภาควิชา นักดนตรีกลางคืน’



นักดนตรีกลางคืนคงไม่ใช่อาชีพที่ใครหลายๆคนใฝ่ฝันกันมากเท่าไหร่ เพราะว่าสังคมในปัจจุบันนั้นดูหมิ่นเหยียดหยาม ความเป็นศิลปินหลักลอยที่ล่องลอยไปบนถนนหนทางยามค่ำคืน แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ความจริงถึงความลำบากแสนเข็ญกว่าจะได้เงินเพื่อมาประทังชีวิต และต้องดิ้นรนเพื่ออยู่รอดกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นในปัจจุบัน
                นักศึกษา ถือว่าเป็นกลุ่มหนึ่งที่ประกอบอาชีพนักดนตรีกลางคืนสูงที่สุดก็ว่าได้ ความใฝ่ฝันของเด็กคนหลายๆคนที่อยากจะหาเลี้ยงตนเองให้ได้ ด้วยการพึ่งพาความสามารถของตนเอง โลดแล่นเพื่อหาทุนทรัพย์ผ่านเสียงดนตรี จุดเริ่มต้นของอาชีพนักดนตรีนั้น ยากลำบากกว่าที่วาดฝันไว้ หากใช่เพียงแต่คุณมีความสามารถแล้วคุณจะมีร้านเล่นได้ ในยุคปัจจุบัน ความสามารถอย่างเดียว ผมว่าคงไม่พอ หากแต่ว่าคุณนั้นต้องมีหน้าตา ผิวพรรณที่ดี หน้าตา สวย หล่อ ให้ผู้คนกรี๊ดกร๊าด ยามคุณขึ้นยืนสง่าอยู่บนเวที และสิ่งที่คุณต้องมี คือต้นทุนในการเล่นดนตรี
                หลายๆคนคงสงสัยว่าเล่นดนตรีนั้นต้องมีต้นทุนด้วยหรอ? ผมคงตอบได้อย่างชัดเจนเลยครับว่ามี และคงไม่ใช่มีต้นทุนธรรมดา แต่คุณนั้นต้องมีต้นทุนอย่างมากกับการลงทุนในครั้งนี้ ซึ่งเราจะแบ่งต้นทุนนั้นออกเป็น 2 แบบ คือ ๑) ต้นทุนทางความสามารถ ซึ่งหาไม่ได้จากร้านค้าหรือตามตลาดแผงลอยทั่วไป แต่ต้องหาจากความขยันภายในตัวของเราเอง ต้องหมั่นซ้อม และมีความกล้าแสดงออก ๒) นั่นก็คือ ต้นทุนที่เป็นเม็ดเงิน เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า เครื่องดนตรีทั้งหลายคงต้องนำเม็ดเงินที่มีอยู่ไปแลกมาเพื่อให้ได้อุปกรณ์ในการไปประกอบอาชีพ และไหนจะอีกทั้งค่าห้องซ้อมต่างๆนานา ที่จะตามมาในภายภาคหน้า และอุปกรณ์ทั้งหลายเหล่านี้ราคานั้นเรียกได้ว่ามหาศาลอยู่พอตัวเลยทีเดียว
                ความยากลำบากนั้นยังไม่จบเพียงแค่ หน้าตา ความสามารถ และต้นทุน แต่คงเลี่ยงไม่ได้กับภาระหน้าที่หลักนั่นคือ การศึกษา หากคุณไม่สามารถทิ้งสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปจากชีวิตของคุณได้ คุณคงต้องเลือกทำทั้งสองอย่างในเวลาที่เหลื่อมล้ำกัน ชีวิตของผมนั้นผ่านตรงจุดนี้มาแล้ว ทำให้ผมสามารถมองโลกได้กว้างขึ้นจากจุดที่ตนเองเคยผ่านมา ชีวิตการเป็นนักศึกษา กึ่ง นักดนตรีนั้นยากลำบากกว่าที่คิด หากคุณต้องตื่นเช้าเพื่อมาเข้าเรียนให้ทันวิชาแรก และคุณต้องรีบออกจากมหาวิทยาลัยในตอนเย็นเพื่อสลัดคราบความเป็นนักศึกษาออกเพื่อมุ่งหน้าให้ความบันเทิงแก่ผู้คนยามราตรี ใช่แล้วครับ เวลาพักผ่อนตามหลักสากลนั้นคุณแทบจะลืมไปเลยว่า ในช่วงวัยนี้ ต้องพักผ่อนกี่ชม.ต่อหนึ่งวัน แล้วไหนจะต้องต่อสู้กับการแย่งชิงเกรดมาจากอาจารย์ผู้สอน เพื่อไม่ให้ตนเองถูกรีไทล์ก่อนกำหนดอีกด้วย
แต่ความเหนื่อยนั้น เมื่อคุณเห็นเม็ดเงินที่ตามมา ผมถือว่าคุ้มค่า ในอาทิตย์หนึ่งนักดนตรีกลางคืนสามารถหาเงินได้ถึง ๓,๕๐๐ บาทในขั้นต่ำ(เล่นทุกวัน) แต่หากคุณมีหน้ามีตา มีแขกติดทำให้สถานบันเทิงมียอดขายเครื่องดื่มพุ่งกระฉูด คุณคงไม่อยากนึกเลยสิท่า ว่ารายได้มันจะพุ่งกระฉูดขนาดไหน ผมบอกได้เลยว่า ๕,๐๐๐-๘,๐๐๐ บาทขึ้นไปต่อหนึ่งอาทิตย์ ซึ่งถ้าตีออกมาเป็นเงินเดือน คงสูงกว่าแรงงานปริญญาตรีในปัจจุบันแน่นอน แต่ในทางกลับกันเปอร์เซ็นต์การแย่งงานนั้นสูงมากพอสมควร เพราะเป็นอาชีพที่ไม่ต้องใช้ใบปริญญาในการทำมาหากิน
แต่ชีวิตของคนเรามันคงไม่เป็นดั่งฝันเสมอไป ดั่งพระพุทธศาสนาสอนให้เรารู้ว่า มีสุข ต้องมีทุกข์ เป็นเรื่องธรรมชาติ เมื่อเรามีความสุขกับเงินเดือนที่สูงริบแล้ว แต่หากเราหลงระเริงกับแสงสีเสียง และสิ่งของอบายมุข ไม่ว่าจะเป็น บุหรี่ สุรา รวมไปถึง นารี เงินที่คุณหามาได้ทั้งหมดนั้นจะหายไปในชั่วพริบตาเดียว และสิ่งที่ตามมานอกจากทรัพย์ที่ได้มาแล้ว คงเป็นความทุกข์จากโรคประจำตัว หรือความทุกข์จากหนี้สินก็ว่าได้หากยังใช้ชีวิตแบบนี้ทุกๆวัน ร่างกายคนเราก็ไม่ต่างอะไรกับเครื่องจักร ที่ต้องการน้ำมันหล่อลื่น หรือการซ่อมบำรุง เพียงแต่ร่างกายเรานั้น ต้องการการพักผ่อน ลองจินตนาการภาพตามผมน่ะครับ หากเครื่องจักรทำงานวันล่ะ ๒๐ ชั่วโมง ซักวันหนึ่งมันคงต้องพังลง และแน่นอนโรงงานคงต้องหาเครื่องใหม่มาแทนของเก่าที่เสียไป เช่นเดียวกับนักดนตรีกลางคืนหล่ะครับ คุณไม่สามารถยืนหยัดใช้ชีวิตเช่นนี้ได้ตลอด หากวันไหนคุณล้มเจ็บ ทางร้านก็คงต้องหาคนใหม่มาแทนที่คุณและในบางครั้งโอกาสที่คุณอาจจะตกงานนั้นก็มีสูงตามไปด้วย และไหนจะเป็นเรื่องทางด้านความชราภาพตามธรรมชาติของมนุษย์ ซึ่งการตลาดของสถานบันเทิง เราก็รู้กันอยู่แล้วว่า คนแก่จะทำให้เด็กกรี๊ดได้ยังไง หากคุณไม่ใช่ เคน ธีรเดช หรือ โดม ปกรณ์ ลัม นั่นหล่ะเป็นเหตุผลที่ทำให้อาชีพนักดนตรีกลางคืนไม่ยั่งยืน เพราะหากแก่ตัวไป เราคงเปรียบเสมือนน้ำอัดลมกระป๋อง เมื่อหมดความซ่า ผู้คนก็โยนลงถังขยะ
เพราะฉะนั้นแล้ว อาชีพนักดนตรีกลางคืนถือว่าเป็นอาชีพทางเลือกอีกทางเลือกหนึ่งของนักศึกษาในปัจจุบัน เพียงเพราะใจรักในดนตรี และ เป็นหนทางในการหารายได้พิเศษเพื่อมาจุนเจือกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่พวกเราควรมุ่งเป้าหมายให้ประสบความสำเร็จในชีวิต นั่นก็คือการศึกษา หากคุณมีการศึกษาที่ดีแล้ว ความสามารถที่ตามมาอาจช่วยเป็นตัวบุกเบิกให้ชีวิตของคุณประสบความสำเร็จได้เช่นกัน



  
               
                

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น